บทสวดพระมหาจักรพรรดิ์

บทสวดพระมหาจักรพรรดิ์
Glitter Photos

วันศุกร์ที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2558

การยกระดับสู่มิติที่สูงกว่าของมนุษย์



การยกระดับสู่มิติที่สูงกว่าของมนุษย์ ---------------------------------------------
........การยกระดับสู่มิติที่สูงกว่าของมนุษย์ เพื่อก้าวสู่ยุคพลังงานใหม่นั้น ถูกกล่าวถึงกันมากในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ซึ่งเมื่อก่อนผมอ่านแล้วก็งงครับ แต่ถึงจุดหนึ่งก็กลับกลายเป็นว่า มันเข้าใจเองว่าคืออะไร ก็ขอสรุปเนื้อหาตามนี้เลยก็แล้วกัน
--------------------------------------------
ยุคพลังงานเก่า
........ยุคพลังงานเก่าที่ผ่านมานั้น สรรพชีวิตทั้งหลายในโลกล้วน "ติด" อยู่ในมิติที่ "หยาบ" ซึ่งต้องอาศัยกายจิต และสภาวธรรมทั้งหลายเป็นเครื่องอยู่ อยู่มากๆ 
........นานๆ เข้าก็กลายเป็นอุปาทานยึดติด จนต้องขับเคลื่อนทุกอย่างด้วยพลังกรรม เป็นไปโดยกรรม เพื่อเสวยผลแห่งกรรม 
........อันก่อให้เกิดความอึดอัดขัดเคือง เบียดเบียนฆ่าฟัน กระทบกระทั่งกัน ไม่ว่าจะเป็นภาคหยาบอย่างมนุษย์ สัตว์เดรัจฉาน หรือจะเป็นภาคทิพย์ 
........ตั้งแต่กลุ่มอบายภูมิที่ต่ำกว่าเดรัจฉานลงไปจนถึงสัตว์นรก และภพภูมิเบื้องสูงกว่าอย่างเหล่าเทวดา ไล่ไปจนถึงพรหมชั้นสูงสุด 
........สรุปรวมแล้วคือทั้ง 31 ภพภูมิล้วนแล้วแต่ติดอยู่ในมิติที 3 (ภาคหยาบ) และ 4(ภาคทิพย์) ซึ่งยังถือว่าหยาบอยู่ ยังไม่พ้นไปจากกฏไตรลักษณ์ 
........เพราะหลงลืมความเป็นจริงไปว่า ธาตุทั้งหลาย ทั้งกายและใจนี้ก็เป็นเพียงวัสดุที่หยิบยืมมาทำกิจชั่วคราวเท่านั้น (เปรียบเหมือน Avatar)
---------------------------------------------

การยกระดับสู่มิติที่สูงกว่าของมนุษย์ 
ตอนที่ 2

---------------------------------------------
ยุคพลังงานใหม่
........ส่วนในยุคพลังงานใหม่นั้น มนุษย์ เทวดาและพรหมทั้งหลายก็จะมีโอกาสยกระดับขึ้นสู่มิติที่ 5 ซึ่งพ้นไปจากทั้ง 4 มิติแรก 
........แต่ไม่ได้หมายความว่า มิติที่ต่ำกว่ามิติที่ 5 จะหายไปนะครับ เพราะมิติที่ 5 นี้จะนอกเหนือธาตุขันธ์หยาบๆ เป็นมิติทื่เชื่อมทุกมิติเข้าด้วยกันเป็นหนึ่งเดียวไม่แบ่งแยก
........ที่บอกว่าโลกกำลังยกระดับสู่มิติที่ 5 นั้น ไม่ได้ให้ไปทำหรือปฏิบัติอะไร เพื่อตะกายขึ้นไปยกระดับอะไรนะครับ
........แต่ให้ปลงความยึดติดในกายในใจที่ทำให้เราติดวนอยู่ในมิติที่ 3 และ 4 ลง ปลง ปล่อย ยอม หรืออะไรก็แล้วแต่
........ให้มันคลายจากอุปาทานในธาตุขันธ์ที่ยึดโยงเราอยู่กับมิตินั้นๆ เมื่อมันปลงธาตุขันธ์หมดแล้ว แม้กระทั่งกายใจก็ปล่อยให้มันเป็นธรรมของมันเองไป มันก็จะคลี่คลายหลุดพ้นจากพลังงานเก่าแล้วยกระดับขึ้นสู่มิติที่ 5 ซึ่งใช้พลังงานที่เบากว่าไปเอง
........ความเป็นไปในยุคพลังงานเก่านั้นถูกขับเคลื่อนด้วยพลังงานกรรมเป็นหลัก สรรพสัตว์ทั้งหลายจึงดำเนินไปด้วยกรรม หมกมุ่นในกรรม ตอกย้ำในกรรม อัตตาจึงจัดจ้าน
........เพราะเชื่อว่าทุกอย่างสำเร็จได้ด้วยการกระทำ จึงทำให้โลกและสังสารวัฏดำเนินไปด้วยความอึดอัดขัดเคือง การเบียดเบียนกัน การกดขี่ข่มเหงฆ่าแกงกัน
........มิจฉาทิฏฐิจากทุกหมู่เหล่า ทำให้เกิดความขัดแย้ง และเกิดการรบราฆ่าฟันกันไปทั่วโลก ซึ่งระบบที่รองรับยุคพลังงานเก่าได้อย่างเหมาะสมก็คือระบบทุนนิยม ที่เอื้ออำนวยให้กับการชดใช้และทำกรรมอย่างเต็มที่
........แต่เมื่อโลกได้เปลี่ยนผ่านสู่ยุคพลังงานใหม่ ซึ่งเป็นพลังธรรมที่มีลักษณะคลี่คลายกว่า ผ่อนคลาย กว้างขวางกว่า สายบารมีจากเบื้องบนจึงเชื่อมต่อลงมายังโลก
........เพื่อชำระล้างพลังงานเก่า(กรรม) ตามจุดต่างๆ ของโลกและสังสารวัฏโดยรวม มีทั้งที่ทำสำเร็จและไม่สำเร็จ ซึ่งก็มีเหตุจากหลายปัจจัย แต่เหตุหลักๆ ก็มาจากกรรมของมนุษย์เองที่ปิดบังสัจธรรมเอาไว้อย่างหนาแน่นนั่นเอง
------------------------------------
ต่อตอนที่ 3


การยกระดับสู่มิติที่สูงกว่าของมนุษย์ 
ตอนที่ 3

---------------------------------------------
การชำระล้างพลังงานเก่า
.........การชำระล้างพลังงานเก่า ที่กักขังหน่วงเหนี่ยวสรรพชีวิตทั้งหลายนั้น ไม่ใช่แค่การล้างพลังงานกรรมเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงการล้างระบบที่รองรับยุคพลังงานเก่า อย่างระบบเศรษฐกิจที่มีลักษณะกระตุ้นตัณหาอย่างมากด้วย 
.........โดยในช่วงเปลี่ยนผ่านนี้จะเกิดภัยพิบัติในโลกมากขึ้น เพื่อบีบบังคับให้สรรพสัตว์ทั้งหลายได้รับวิบากกรรมเร็วขึ้น ยิ่งภัยพิบัติมากก็ยิ่งทำให้ระบบเศรษฐกิจอ่อนแอ แล้วก็มีการจ่ายวิบากกรรมผ่านตัวกระทำทางเศรษฐกิจที่มีอิทธิพลระดับโลก 
.........เหมือนที่เราจะเห็นว่าระบบเศรษฐกิจทุนนิยมกำลังอ่อนแอใกล้ล่มสลายเข้าไปทุกทีในช่วงเวลาไม่กี่ปีที่ผ่านมา
.........เศรษฐกิจอันฝืดเคืองนี้ ก็จะบีบผู้คนที่อยู่ในระบบให้ใช้กรรมกันเร็วขึ้น ทำงานหนักขึ้น ปัญหามากขึ้น กดดันเคร่งเครียดมากขึ้น 
.........เพื่อให้ผู้คนได้รับวิบากกรรมตามสมควรจะได้เคลียร์กรรมเก่าให้หมด และถูกบีบให้ทุกข์หนักมากขึ้น ก็จะไปเข้าเงื่อนไขข้อแรกที่จะเข้าสู่เนื้อหาแห่งอริยสัจ 4 ได้ 
.........ไม่อย่างนั้นก็จะไม่สามารถก้าวเข้าสู่ยุคพลังงานใหม่ได้ ก็ต้องตายลงเปลี่ยนภูมิเพื่อชดใช้กรรมให้หมดก่อนแล้วค่อยมาเกิดใหม่ในแบบที่กรรมไม่หนามากจนเกินไป
.........ส่วนระบบเศรษฐกิจทุนนิยมกระแสหลัก ที่ไม่สามารถไปต่อได้ เพราะความโลภที่กัดกินตัวมันเอง ก็จะถูกปรับเปลี่ยนไป โดยคำนึงถึงพื้นฐานความเป็นมนุษย์มากขึ้น 
.........อย่างเช่นระบบเศรษฐกิจแบบพอเพียง ซึ่งก็เป็นจิ๊กซอว์ตัวหนึ่งของยุคพลังงานใหม่ เพียงแต่ยังติดขัดกับอุปสรรคบางอย่างอยู่
.........การเชื่อมต่อสายบารมีลงมาเพื่อชำระล้างกรรม ก็มาจากการน้อมองค์คุณเบื้องสูงเป็นประธานในการสละ ชดใช้หนี้กรรม และขอขมากรรม 
.........บางคนนึกว่าเรื่องนี้เป็นไปไม่ได้ เพราะไม่รู้เรื่องอจิณไตยที่อยู่คนละมิติ ก็เลยอาศัยวิพากษ์วิจารณ์ด้วยความรู้ความเข้าใจเดิมๆ อันคับแคบของตน จากการอ้างอิงเอาในตำรา 

.........จนกลายเป็นกรรมปิดบังอีก ซึ่งการต่อสารบารมีลงมาช่วยชำระกรรมนี้มีขึ้นเพื่อช่วยในการเปลี่ยนผ่านยุค 
.........ถ้าเคลียร์พลังงานเก่ากันไม่ทันก็เป็นไปได้ ที่จะเกิดภัยพิบัติใหญ่ขึ้นมาชำระกรรมให้กับมนุษย์ สัตว์ และจิตญาณที่ยังไม่ได้ยกระดับสู่มิติที่ 5
.........การเชื่อมสายบารมีจากองค์คุณเบื้องสูงลงมาบนโลกนี้ ก็มีอยู่ทั่วไปทุกที่ครับ ไม่ใช่แค่ที่วัดร่มโพธิธรรม 
.........แล้วแต่ว่าใครจะมีบารมีสัมพันธ์กับกลุ่มไหน ก็จะถูกเชื่อมโยงไปตรงนั้นเองโดยอัตโนมัติ
.........ส่วนการหยาดน้ำก็เป็นอีกวิธีหนึ่งในการนำพาบารมีธรรม แห่งองค์คุณเบื้องสูงแผ่ไปสู่ปวงสัตว์ทั้งหลายโดยทั่วกัน 
.........ทุกจุดที่มีการหยาดน้ำ เหล่าจิตญาณก็จะได้เชื่อมต่อถึงบารมีขององค์คุณเบื้องสูงไปด้วย คลี่คลายไปด้วยกัน เป็นการชำระพลังงานเก่าอีกวิธีหนึ่ง ซึ่งปฏิบัติกันเป็นอริยประเพณีที่วัดร่มโพธิธรรม
.........ผู้โปรดสัตว์หรือผู้เผยแพร่สัจธรรม ก็เป็นอีกทางหนึ่งที่ช่วยเคลียร์พลังงานเก่าให้กับสังสารวัฏได้ โดยการให้สัจธรรม ที่ช่วยคลี่คลายโมหะอุปาทานผู้คนและจิตญาณทั้งหลาย ก็จะดึงดูดถ่ายเทพลังงานเก่าของผู้ที่คลี่คลาย จากสัจธรรมเข้ามาชำระ 
.........ช่วยให้ผู้คนทั้งหลายหลุดพ้นคลี่คลายจากอุปาทานในกายในใจตน ยกระดับขึ้นสู่มิติที่ 5 ตามวาระของแต่ละคน 
.........ส่วนผู้โปรดฯ ก็จะต้องช่วยเคลียร์พลังงานเก่าที่เชื่อมโยงเข้ามาด้วยการพาจิตญาณทั้งหลายขอขมากรรม พาประกาศสละ และหยาดน้ำช่วยอุทิศบารมีให้ด้วย
.........กิจในการเปลี่ยนยุคนี้ ยังไม่รู้ว่าจะต้องใช้เวลามากน้อยแค่ไหน อย่างเร็วก็คง 2-3 ชั่วอายุคน แต่ช่วงเวลานี้ก็จะมีผู้บรรลุธรรมมากขึ้น มีพระโพธิสัตว์ที่บรรลุธรรมมากขึ้น 
.........แต่ไม่เก็บตัวเหมือนยุคก่อนๆ ก้าวเข้าสู่เนื้อหาบารมีในการโปรดสัตว์อย่างกว้างขวางตามองค์มหาบารมี และช่วยเหลือในการเปลี่ยนผ่านยุคให้เป็นไปด้วยดี 
.........เราจึงได้เห็นผู้โปรดฯ บางท่านในรูปแบบที่แตกต่างไปจากในอดีตที่ส่วนใหญ่จะเป็นพระสงฆ์ ซึ่งจะแทรกซึมไปตามส่วนต่างๆ ของสังสารวัฏได้ดีกว่า ชนิดที่ไม่แบ่งโลกแบ่งธรรมเหมือนในอดีต 
.........นัยว่าแบ่ง segment กันทำงานโปรดสัตว์ก็ว่าได้ ซึ่งอริยบุคคลกลุ่มนี้ก็จะเป็นต้นแบบในการออกจากความวกวนคับแคบ ในยุคพลังงานเก่าไปสู่ยุคพลังงานใหม่ให้แก่ผู้คนในวงกว้าง
.........การดำเนินไปของยุคพลังงานใหม่ ก็จะเป็นไปโดยกรรมน้อยลง แม้ว่าอาจจะไม่ได้บรรลุธรรมกันหมดทุกคน 
.........แต่ก็เป็นไปด้วยกรรมที่เบาบางกว่า ตรงเนื้อหาธรรมมากขึ้น ผ่อนคลายยืดหยุ่นมากยิ่งขึ้น 
.........การแบ่งแยกแตกต่างในโลกจะน้อยลง โลกธาตุก็จะสงบสุขมากขึ้นตามไปด้วย 
.........ความขัดแย้งหรือทะเลาะเบาะแว้งเพราะทิฏฐิที่เคยจัดจ้านก็ค่อยๆจางคลายไป ทำให้ผู้คนทั้งหลายทิฏฐิใส่กันน้อยลง เข้าใจโลกและสังคมมากขึ้นไปเอง
.........แต่ทั้งหมดทั้งมวลนี้ก็จะไปทำเอาสร้างเอาไม่ได้ ต่อให้ปฏิบัติเอายังไงก็ติดอยู่แค่มิติหยาบๆ จะไปปรับเปลี่ยนเปลือกนอกยังไงมันก็ได้แต่เปลือก แต่เนื้อหาก็ยังไม่ใช่ 
.........ต้องปลงทิ้งตัวตนที่ซ้อนธาตุขันธ์ลง ก็จะแจ้งในสัจธรรมไปเอง กว้างขวางผ่อนคลายไปเอง เปลี่ยนผ่านเป็นมนุษย์ในยุคพลังงานใหม่ไปเอง จากภายใน แล้วเปลือกภายนอกก็จะปรับเปลี่ยนตามไปด้วยอย่างสัมพันธ์กัน
-----------------------------------------------


สิ่งที่จะเกิดขึ้น
หลังการเปลี่ยนแปลงเข้าสุู่โลกยุคพลังงานใหม่

-------------------------------------------------------------
........1 จำนวนมนุษย์โลกจะลดน้อยลง 1 ใน 3 (ขึ้นอยู่กับมนุษย์ในช่วงนั้น)
........2 ผู้มีระหัสกรรมเกิน 30% จะถูกชำระ (อันนี้สำคัญ ควรรีบกำจัดผลกรรมที่มีอยู่ให้เป็นกลางโดยเร็ว สิ่งศักดิ์สิทธิ์ท่านก็ช่วยแบกรับกรรมให้เราถึง 70% สำหรับผู้รับธรรมะในสายอนุตรธรรม)
........3 ผู้รอดชีวิต
"รหัสกรรมทั้งหมดจะถูกยกเลิก"
........4 ภาษาไทยและภาษาจิตจะเป็นภาษาสากล (โทรจิต)
........5 มนุษย์จะมีอายุยืนยาวขึ้น และมีท้องฟ้าใหม่ที่สวยงาม
........6 โลกจะหมุนเร็วขึ้นเป็น 22 ชั่วโมงต่อรอบต่อวัน
........7 สัตว์บางชนิดจะสูญพันธ์ ( หนู กระต่าย )
........8 มนุษย์บางเผ่าพันธ์จะสูญชาติ สิ้นแผ่นดิน
........9 มนุษย์จะมีสังคมที่ไร้พรมแดน (รวมถึงการปรากฎตัวของสิ่งมีชีวิตนอกโลก มนุษย์ต่างดาว)
........10 ฆราวาสจะมีบทบาทในการดูแลบำเพ็ญจิตตนเอง โดยไม่ละทิ้งครอบครัว (อาศัยการใช้พลังงานร่วม หรือการสั่นสะเทือนจิตร่วมกัน ที่เรียกว่า"ธรรมชาติสมาธิ" เพราะความลับมิติโลกถูกเปิดเผยมนุษย์จะรู้หน้าที่ของตนเองมากขึ้น
........11
แผ่นดินและอาณาจักร์ที่หายไปจะไปปรากฎตัวอีกครั้งไว้เป็นอุทาหรณ์มนุษย์รุ่นหลัง
........12 มนุษย์รุ่นใหม่จะฉลาดเฉลียว รูปร่างสวยงามยิ่งขึ้น
-------------------------------------------------------------
........
"ตาที่สาม" จะเปิดออกโดยอัตโนมัติสามารถมองเห็นมิติของวิญญาณ ได้เป็นเรื่องปกติ เนื่องจากสนามแม่เหล็กโลกจะเพิ่มระดับพลังงานและยกตัวสูงขึ้นเกิน 60,000 ก ม (สนามแม่เหล็กโลกกำกับค่าของ" ตาที่สาม"เอาไว้)
........เป็นข้อมูลที่ต่างมิติได้ให้ไว้ในปี 2012 แต่เป็นเส้นเวลาที่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ ขึ้นอยู่กับจิตมวลรวมมนุษย์ว่าจะให้เป็นไปในทิศทางใด
........การทำสมาธิหมู่กว่า 30 ล้านคนในปี 2012 เพื่อชำระแกนโลกให้สะอาด ได้ช่วยรักษาโลกใบนี้ไว้ได้
........
หักคำทำนายของหมอดูก้องโลกทุกท่านรวมทั้งนอสตาดามุสด้วย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ศรัทธา

ศรัทธา